30 แลนด์มาร์คดังทั่วญี่ปุ่น ทริปไหนก็ต้องไปเช็คอิน

ญี่ปุ่นยังคงนำลิ่วเป็นปลายทางยอดฮิตที่หลายคนมุ่งหน้าไปแล้วไปอีกอย่างไม่รู้เบื่อ ก็ประเทศนี้ทั้งเดินทางสะดวก อาหารก็แสนจะถูกปากพวกเราชาวไทย แถมยังเที่ยวได้ทุกฤดูไปอี๊กกก วันนี้เราเลยขอกวาดแลนด์มาร์คดังๆ ในทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นมารวมไว้ในที่เดียว เผื่อมือใหม่หัดเที่ยวญี่ปุ่นจะได้จดลิสต์ไว้ว่าจุดไหนบ้างที่ไม่ควรพลาด ส่วนคนที่ไปมาหลายรอบแล้วก็ลองบันทึกสถิติไว้ดูก็ได้ ว่าที่ไหนที่คุณไปมาแล้ว หรือที่ไหนแสนจะเข้าตา จะได้เอาไว้ลงแพลนคราวหน้ากันไง และนอกจากจะมองหาตั๋วเครื่องบินราคาดี๊ดีกับ Traveloka เหมือนทุกทีแล้วนะ เรายังอยากแนะนำให้ลองใช้บริการรถรับส่งจากสนามบินของเค้าดูบ้าง เพราะมันแสนจะสะดวกสบาย ไม่ต้องเหนื่อยยากขนกระเป๋าเข้าๆ ออกๆ รถไฟไปมา แถมถ้าไปหลายคนนะ หารออกมาราคาพอๆ กันเลยละ แต่สบายกว่าเยอะ เชื่อสิ

ทางไปจองตั๋วเครื่องบินราคาดีกับ Traveloka https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan

ทางไปจองบริการรถรับส่งจากสนามบินกับ Traveloka https://www.traveloka.com/th-th/airport-transfer

ไปดูกันเลยดีกว่าว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเช็คอินกันในแต่ละภูมิภาคที่เรารวบรวมมาน่ะจะถูกใจคุณแค่ไหน

ฮอกไกโด

30 แลนด์มาร์คดังทั่วญี่ปุ่น

1. คลองโอตารุ / Sapporo

เป็นคลองเก่าแก่อายุนับร้อยปี มีจุดเด่นอยู่ที่อาคารโกดังซึ่งสร้างด้วยหินที่เรียงรายอยู่ริมฝั่งคลอง ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านค้าหลากหลายรูปแบบ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและย่านการค้าที่ขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็นโรงผลิตแก้ว พิพิธภัณฑ์ โรงกลั่นวิสกี้ ร้านขนม ย่านนี้มีให้ช้อปให้ชมหมดจ้ะ แต่ถ้าอยากได้วิวพีคๆ แบบสุดโรแมนติกนะ แนะนำให้ไปในยามค่ำคืน เพราะจะมีแสงไฟนวลๆ มาช่วยสร้างบรรยากาศ ยิ่งถ้าเป็นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่นี่จะมีงาน Otaru Snow Light Path ซึ่งจะเพิ่มบรรยากาศด้วยการจุดเทียนเรียงรายตามทางเดินไปอีก บรรยากาศขนาดนี้ถ้ามีคนรู้ใจไปด้วยคือเต็มสิบ!

2. Tomita Farm / Hakkaido

เป็นหนึ่งในฟาร์มลาเวนเดอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พีคในพีคของที่นี่ต้องยกให้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะนอกจากจะมีลาเวนเดอร์สีม่วงสวยหวานบานอยู่สุดลูกหูลูกตาแล้ว ที่นี่ยังมีทุ่งดอกไม้ที่ปลูกเรียงสลับสีกันไปราวกับสายรุ้ง ถือเป็นสวรรค์ของคนรักไม้ดอกที่แท้ทรู แถมในฟาร์มยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตั้งแต่รถพ่วงพาชมรอบฟาร์ม ร้านอาหาร ร้านขนม หรือร้านขายของที่ระลึก และไหนๆ มาถึงที่นี่ ก็อยากพลาดชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์ของเด็ดของเค้าด้วยนะ จะได้ครบฟีลลิ่ง!

3. Asahiyama Zoo / Hokkaido

ตั้งอยู่ในเมือง Asahikawa และที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในโลกเลยเชียวนะ เพราะเค้ามีจุดเด่นอยู่การเพิ่มมุมมองแปลกๆ ให้ผู้เข้าชมได้เห็นสัตว์ต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ซึ่งผ่ากลางบริเวณสระว่ายน้ำของเหล่าเพนกวิน หรือโดมแก้วกลางโซนหมีขั้วโลกและหมาป่าให้เราได้โผล่หน้าไปดูน้องหมีน้องหมากันอย่างใกล้ชิดชนิดที่หาได้ยากจากที่สวนสัตว์อื่น ช่วงไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ในฤดูหนาว ซึ่งจะมีการนำเหล่าเพนกวิ้นออกมาเดินตุ้บตั้บให้เราได้ชมกันด้านนอกกรงในระยะประชิด นอกจากนี้ยังมีสัตว์หายากให้ดูกันอีกเพียบ ไปเหอะน่า รับรองว่าไม่ผิดหวังจริงๆ

โทโฮคุ

4. Ice Monsters / Zao Mountain

จุเฮียว (Juhyo) หรือปีศาจหิมะ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อหิมะตกทับถมจนเกาะหนาอยู่บนกิ่งสนในบริเวณภูเขาสูงจนเกิดเป็นรูปร่างต่างๆ แปลกตาตั้งเรียงรายขาวโพลนไล่ระดับอยู่บนภูเขา ทำให้หลายคนขนานนามตามจินตนาการว่าเป็นปีศาจหิมะนั่นเอง ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้มีให้ชมอยู่ไม่กี่ที่ในญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะต้องอาศัยกระแสลม หิมะ และอุณหภูมิที่ผสานกันอย่างเหมาะสม รวมถึงจะเกิดได้บนต้นสน Aomori – todomatsu เท่านั้น โดยที่ภูเขาซาโอะแห่งนี้จะมีช่วงพีคให้ชมอยู่ราวๆ เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี จะเดิน สกี หรือนั่งกระเช้าไฟฟ้าชมจากมุมสูงก็ได้ เอาที่คุณสบายใจแล้วกัน

คันโต

5. Hitachi Seaside Park / Ibaraki

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสวนดอกไม้ยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ริมทะเลแล้ว ที่นี่ยังมีพันธุ์ไม้สวยงามต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ชมได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งดอกนาร์ซิสซัสกว่าล้านดอกหรือทุ่งทิวลิปหลากสีสัน ซึ่งจะบานติดต่อกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณเดือนเมษายนพฤษภาคม แต่ที่ถือเป็นภาพจำติดตา ต้องยกให้ทุ่งดอกเนโมฟีลาสีฟ้าสดใสแปลกตา ที่จะบานสะพรั่งปกคลุมทุ่งกว้างสุดสายตากว่าสี่ล้านห้าแสนดอก และในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งความพีคคือทุ่งโคเชียพุ่มกลมน่ารัก ซึ่งจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงส้มอยู่เต็มทุ่งดูแปลกตา รับรองว่าเห็นแล้วต้องฟิน

6. Chureito Pagoda & ภูเขาไฟฟูจิ / Yamanashi

เชื่อว่าภาพเจดีย์ห้าชั้นสีแดงสดใสที่มองผ่านไปก็เจอแบ็คกราวนด์เป็นสัญลักษณ์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอย่างภูเขาไฟฟูจิ ต้องเป็นหนึ่งในภาพจำที่หลายคนเคยผ่านตาเวลานึกถึงญี่ปุ่นแน่นอน แล้วในเมื่อเป็นไฮไลท์ขนาดนี้ ก็ต้องมาเช็คอินกันให้ได้สิ ถูกมั้ย? เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้า Arakura Sengen Shrine โดยจากตัวอาคารหลักของศาลเจ้าแห่งนี้ ต้องใช้กำลังขากันนิดนะ เพราะต้องขึ้นบันไดไปราวๆ 400 ขั้นจ้า แต่เอาน่า เพราะมันสวยคุ้มจริง จะช่วงซากุระ ช่วงหิมะ หรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ก็สวยทุกฤดู คราวนี้คุณก็จะได้เห็นความสวยขึ้นชื่อของที่นี่ด้วยตาตัวเองเลยนะ รับรองว่าดีกว่ามองผ่านรูปเยอะเลยเชียว

7. Sensoji Temple / Tokyo

เชื่อว่าแทบทุกคนที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกๆ น่ะ ต้องหาเวลามาเช็คอินที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน เพราะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์หลักซึ่งเป็นภาพคุ้นตาที่ใช้ในการโปรโมทประเทศญี่ปุ่นมานานแสนนาน บางคนอาจจะเรียกที่นี่ว่าวัดอาซากุสะ ตามย่านที่วัดตั้งอยู่ หรือบางคนก็เรียกว่าวัดโคมแดง เพราะเอกลักษณ์ของวัดนี้คือโคมแดงอันใหญ่ยักษ์ที่แขวนอยู่หน้าประตูทางเข้า ซึ่งเชื่อว่าทุกคนที่มาต้องแวะแชะรูปจุดนี้แน่นอน นอกจากความสวยของสถาปัตยกรรมแล้ว วัดนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวอีกด้วยนะ แถมด้านหน้าทางเข้าหลักยังเต็มไปด้วยร้านค้าเรียงราย มาโตเกียวทั้งที ถ้าไม่ไปเช็คอินที่นี่ก็ถือว่าน่าเสียดายละ

8. Shibuya Crossing / Tokyo

อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของโตเกียวที่เรียกว่าเห็นผ่านตากันอยู่ในหนังเกือบทุกเรื่องที่ไปถ่ายทำในเมืองหลวงของญี่ปุ่นแห่งนี้ จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยละ นอกจากห้าแยกชิบุย่าแห่งนี้นี่เอง กับภาพความวุ่นวายหนาแน่นของผู้คนที่เบียดเสียดกันข้ามถนนชนิดที่แค่เห็นก็เวียนหัว บนทางม้าลายที่ไขว้กันไปมาจนตาลายไม่รู้เลนไหนไปทางไหน แวดล้อมด้วยตึกสูงซึ่งเป็นทั้งร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้ง และสถานบันเทิงอีกมากมาย ใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นน้องหมาฮาจิโกะผู้โด่งดังอีกด้วยนะ มาโตเกียวทั้งที ไม่มาดูความวุ่นวายสุดๆ ของย่านนี้ละก็ ขอบอกว่าไม่ครบรสจริงๆ

9. Tokyo Tower / Tokyo

เราเชื่อว่านี่คือสัญลักษณ์สุดคลาสสิกที่ถือว่าสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองโตเกียวเลยละ เพราะหอคอยสีแดงที่หน้าตาคล้ายจำลองมาจากหอไอเฟลเมืองฝรั่งเศสแห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เห็นได้บ่อยๆ ในซีนภาพยนตร์และละครหลายสิบเรื่อง ด้วยความสูงถึง 333 เมตร ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวยอดฮิตของเมืองโตเกียวไปด้วยโดยปริยาย นอกจากจะใช้เป็นหอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์เท่านั้น แถมด้านบนยังเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Tokyo One Piece Tower อีกด้วยนะ เรียกว่ามายืนดูก็สวย ขึ้นไปเที่ยวข้างบนก็ดี เชื่อเราสิว่าต้องมา!

โฮคุริคุ / ชินเอ็ทสุ

10. Matsumoto Castle / Nagano

นี่คือปราสาทโบราณซึ่งสร้างขึ้นประมาณ ..1592 – 1614 ความเจ๋งของที่นี่อยู่ตรงที่ตัวปราสาทที่เห็นในทุกวันนี้ เป็นรูปแบบดั้งเดิมของจริงที่อยู่ยั้งยืนยงมาเพียงแค่ 12 ปราสาทเท่านั้นในญี่ปุ่น เพราะส่วนใหญ่จะถูกทำลายในช่วงยุคสงครามไปเกือบทั้งหมด แล้วจึงมาบูรณะขึ้นตามรูปแบบเดิมในภายหลัง โดยที่นี่มีทั้งป้อมปืนใหญ่และช่องหินสำหรับให้พลธนูใช้ในยามสู้รบ แต่ที่โดดเด่นที่สุดของปราสาทนี้คือโทนสีมืดๆ ขรึมๆ ซึ่งเป็นที่มาของสมญานามว่าปราสาทอีกานั่นเอง รอบๆ ตัวปราสาทเป็นดงต้นซากุระแน่นขนัด ช่วงพีคของที่นี่จึงเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าคุณได้แวะมาเช็คอินช่วงนั้นนะ ขอบอกเลยว่าคุ้มจริงอะไรจริง

11. Yuki-no-Otani Snow Wall / Toyama

หนึ่งในจุดท่องเที่ยวของเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine ที่บอกไว้เลยว่ายังไงก็ควรต้องแวะมาเช็คอิน เพราะนี่คือกำแพงหิมะสุดอลังการที่ทั้งสูงทั้งใหญ่ของเทือกเขา Tateyama ที่บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจม้ากกกก เพราะแถบนี้เป็นเทือกเขาสูงที่สลับซับซ้อนและต่อเนื่องกันเป็นทิวเขาขนาดใหญ่จนได้รับฉายาว่านี่คือ Japan Alps เลยทีเดียว ว่ากันว่าหิมะบริเวณนี้นั้นตกลงมาหนาชนิดติดอันดับโลกเลยนะ จึงไม่น่าแปลกใจที่ในบางปีเราจะเห็นกำแพงหิมะในบริเวณนี้ที่สูงได้ถึง 20 เมตร!! ซึ่งหากคุณมาที่นี่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ยังจะมีโอกาสได้ลงไปเดินแชะภาพวิวเจ๋งๆ บนถนนกันด้วยนะ มาเหอะ มันว้าวจริง

ชูบุ

12. Nagoya Castle / Aichi

อีกหนึ่งปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในยุคเอโดะ และที่นี่ยังเป็นปราสาทซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ตัวปราสาทดั้งเดิมส่วนใหญ่ถูกทำลายลงในช่วงสงคราม แต่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในภายหลัง โดยปรับปรุงตัวปราสาทด้านในให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้ ด้านนอกตัวปราสาทมีการปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สวนสาธารณะ และแน่นอนว่าช่วงพีคของที่นี่ก็ต้องเป็นช่วงฤดูซากุระอีกเช่นกัน

13. Shirakawago / Gifu

มั่นใจว่าที่นี่ต้องเป็นหนึ่งสถานที่เช็คอินในฝันที่หลายคนตั้งเป้าว่าต้องไปเห็นให้ได้ จริงมั้ย? ด้วยความสวยงามแบบให้อารมณ์เก่าแก่และสงบ สบาย ของหมู่บ้านที่แวดล้อมไปด้วยขุนเขาแห่งนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Unesco ยกให้ที่นี่เป็นหนึ่งในมรดกโลกไปแล้วเรียบร้อย ชิราคาวาโกะนั้นประกอบไปด้วยหมู่บ้านย่อยๆ ถึง 16 หมู่บ้าน และ Ogimachi นับเป็นหมู่บ้านหลักยอดนิยมของที่นี่ เนื่องจากมีขนาดใหญ่ที่สุดและยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบครัน เอกลักษณ์ของชิราคาวาโกะคือบ้านโบราณที่มีหลังคาแบบ Gassho ที่มองดูคล้ายการพนมมือนั่นเอง พีคในพีคของที่นี่คือช่วงที่หิมะตกหนาๆ ใครมาช่วงนั้นนะ แจ่มเลย!

คันไซ

14. Arashiyama Bamboo Groves / Kyoto

ใครไปเยือนเมืองเกียวโตก็คงไม่ยอมพลาดการไปแวะแชะรูปเช็คอินที่ป่าไผ่ในตำนานแห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะนี่คืออีกหนึ่งภาพติดตาที่เรามักจะได้เห็นกันบ่อยๆ ตามสื่อต่างๆ กับภาพป่าไผ่สีเขียวสดสูงลิบแน่นขนัดที่มีทางเดินเล็กๆ ตัดผ่าน เพราะเป็นบรรยากาศแปลกตาที่ไม่ได้หาดูได้จากทุกที่ ถ้าคุณหาจังหวะดีๆ แล้วไปเดินในช่วงที่คนน้อยๆ ไม่พลุกพล่านนะ จะได้ยินเสียงลมพัดผ่าน เสียงต้นไผ่และใบไผ่กระทบกัน มันทั้งสงบและงดงามเหมือนอยู่ในความฝันเลยจริงๆ

15. Kiyomizu-dera Temple / Kyoto

คนไทยส่วนใหญ่มักเรียกที่นี่ว่าวัดน้ำใส ตามลักษณะของธารน้ำที่ไหลผ่านตัววัดนั่นละ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเรียบร้อยแล้วอีกหนึ่งแห่ง โดยนอกจากความสวยงามใหญ่โตของธรรมชาติที่แวดล้อมวัดนี้แล้วนั้น ตัววัดยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแบบสุดๆ เป็นอาคารไม้โบราณขนาดใหญ่ ซึ่งมีการสร้างเป็นระเบียงกว้างยื่นออกไปกลางอากาศด้วยความสูง 13 เมตรจากพื้นดิน โดยมีเสาไม้นับร้อยเสาขัดกันไปมาเป็นโครงรับน้ำหนักอยู่ด้านล่าง และมันอเมซิ่งก็เพราะทั้งหมดนี้ไม่มีตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว นับเป็นการสร้างด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณร้อยเปอร์เซ็นต์! มันเจ๋งจริงๆ คุณ

16. Fushimi Inari Taisha Shrine / Kyoto

นี่ก็อีกหนึ่งไฮไลท์ที่เห็นผ่านตากันได้บ่อยๆ ในภาพยนตร์ ละคร หรือตามโปสเตอร์และเว็บไซต์โปรโมทการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น กับภาพเสาโทริอิสีแดงที่ตั้งเรียงรายกันเป็นพรืดจนกลายเป็นอุโมงค์สีแดงยาวเหยียดแปลกตา เอาจริงๆ ศาลเจ้าแห่งนี้มีเสาโทริอิเป็นหมื่นเสาเลยนะ แถมมีหลายไซส์อีกต่างหาก ด้านในศาลเจ้าก็เต็มไปด้วยรูปจิ้งจอกสุดน่ารักเต็มไปหมดทุกมุม สมกับชื่อศาลเจ้าจิ้งจอกนั่นละ มาเกียวโตเมื่อไหร่ถือว่าพลาดที่นี่ไปไม่ได้จริงๆ ยิ่งใส่กิโมโนมาด้วยนะ จะเริ่ดมากกกกก

17. Todaiji Temple / Nara

อีกหนึ่งฉายาที่ชาวไทยย่อมไม่พลาดการตั้งให้ คือการเรียกที่นี่ว่าวัดหลวงพ่อโตแห่งเมืองนารา ตามลักษณะของวิหารและองค์พระพุทธรูปประธานที่อยู่ด้านใน วัดนี้ได้รับการบันทึกว่าเป็นอาคารสร้างด้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ แถมยังเก่าแก่นับพันปีและมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างมากมาย จึงไม่ต้องแปลกใจที่วัดนี้จะกลายเป็นหนึ่งในวัดดังระดับประเทศของเค้าจ้า องค์พระประธานด้านในที่สูงถึง 15 เมตรก็เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วยนะ ด้านในวิหารหลักมีจุดไฮไลท์อีกมากมาย แถมด้านนอกก็ยังเต็มไปด้วยน้องกวางแห่งเมืองนารา ไฮไลท์แน่นขนาดนี้แล้วจะไม่มาได้ยังไง จริงมะ?

18. Himeji Castle / Hyogo

นี่คืออีก 1 ใน 12 ปราสาทเก่าแก่แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ยังหลงเหลือสภาพเดิมไว้ให้ผู้คนในยุคปัจจุบันได้เห็นกัน แถมยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยด้วยนะ Unesco จึงไม่พลาดการเก็บที่นี่ลงในลิสต์มรดกโลกไปแล้วเช่นกัน และแถมยังได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 4 สุดยอดปราสาทที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นเหมือนกับปราสาท Matsumoto ที่อยู่ด้านบนนั่นละ แถมที่นี่น่าจะเก่าแก่กว่าเพราะสร้างตั้งแต่ ..1400 และแน่นอนว่าช่วงพีคสุดของที่นี่ก็หนีไม่พ้นหน้าซากุระอีกเช่นกัน ด้านในของที่นี่กว้างขวางมากเพราะมีตัวอาคารถึงราวๆ 80 อาคารเชื่อมกันอยู่ ปักหมุดเลยจ้า เพราะถือว่าที่นี่ก็พลาดไม่ได้อีกเช่นกันจริงๆ

19. ย่าน Gion / Kyoto

ถ้ามาเกียวโตเมื่อไหร่ ถือว่าไม่ควรพลาดการมาเดินเล่นในย่านนี้ด้วยประการทั้งปวง เพราะนี่คือย่านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความงดงามแบบโบราณของเมืองเกียวโตแบบครบครัน ด้วยอาคารบ้านเรือนในสถาปัตยกรรมดั้งเดิม แถมเพิ่มเติมกลิ่นอายให้ชัดขึ้นด้วยการที่มักจะมีเหล่า Geisha, Geiko หรือ Maiko ตัวจริงเสียงจริงในชุดเต็มยศเดินไปมาอยู่ในแถบนี้บ่อยครั้ง เพราะย่านนี้คือย่านท่องเที่ยวสุดคึกคักทั้งในกลางวันและกลางคืน ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขนม และสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ซึ่งร้านรวงส่วนใหญ่ก็มักจะมีโชว์ศิลปะการแสดงดั้งเดิมให้ดูเกือบทั้งนั้นนะ ลองมาเช็คอินดูหน่อยน่า มันคุ้มจริง

ชูโกคุ Chugoku

20. Tottori Sand Dunes / Tottori

ถ้าพูดถึงจังหวัดทตโทริก็ต้องมีที่นี่เป็นแหล่งเช็คอินอันดับหนึ่งแน่นอน กับเนินทรายกว้างใหญ่สุดสายตาที่อยู่ติดริมทะเล ที่ไม่ใช่แค่สวยแปลกตาเท่านั้นนะ แต่ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมกิจกรรมอีกมากมาย ตั้งแต่สบายๆ แบบขี่อูฐย่ำทรายให้อารมณ์สุดชิลล์ หรือไถลลงเนินทรายด้วยถาดเลื่อน แล้วยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ให้ลองกันอีกหลายอย่างเลยละ แต่ถ้าจะให้ชิลล์นะ ขอให้รีบมาในช่วงเช้าหน่อย เพราะคุณจะได้เห็นลอนทรายเป็นริ้วๆ สวยมาก เนื่องจากยังไม่โดนย่ำไปมาเหมือนช่วงสาย ไม่งั้นก็ขอให้มาในช่วงเย็นๆ กันไปเลย เพราะพระอาทิตย์ตกที่นี่นะเรียกได้ว่าโรแมนติกเว่อร์ ค่ำๆ ก็เห็นดาวเต็มฟ้า เลือกเลยจ้าอยากได้ฟีลไหน

21. Okayama Castle / Okayama

เรียกว่าเป็นปราสาทประจำเมืองโอคายาม่าที่ถือว่าต้องมาเช็คอินถ้ามาถึงเมืองนี้ ที่นี่สร้างขึ้นในราวปี ..1597 ซึ่งตัวปราสาทเดิมบางส่วนนั้นถูกทำลายเสียหายไปในช่วงสงคราม แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จนสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วในปัจจุบัน จุดเด่นของที่นี่นอกจากตัวปราสาทแล้ว ยังมีสวนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งเป็นสวนแบบญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ น่าแวะไปทั้งคู่เลยเชียว

22. Motonosumi Inari Shrine / Yamaguchi

นับเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีทำเลที่ตั้งแบบพีคมาก เพราะอยู่บนเนินเขาใกล้กับชายทะเล จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของทิวทัศน์แจ่มๆ ที่คุณจะได้ชม ส่วนไฮไลท์ของที่นี่ต้องยกให้กับแถวของเสาโทริอิ 123 เสา ที่ตั้งเรียงรายจากปลายหน้าผาขึ้นมาจนถึงตัวศาลเจ้าด้านบนเป็นระยะทางราวๆ 100 เมตร มองดูไกลๆ คล้ายเส้นสีแดงที่พาดผ่านบนพื้นหญ้าและเนินเขาสีเขียวสดสะดุดตา ผู้คนยังเชื่อกันว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากในเรื่องของการขอพรเรื่องลูกและคู่ครอง แถมยังมีไฮไลท์อยู่ที่กล่องทำบุญซึ่งอยู่บนยอดเสาหน้าทางเข้าศาลเจ้า ที่ว่ากันว่าใครโยนเหรียญเข้ากล่องไปได้นะ คำอธิษฐานจะเป็นจริงแน่นอน ไปลองเลยคุณ

ชิโกะคุ (Shikoku)

23. Naruto Whirlpool / Tokushima

เรียกว่านี่คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สามารถพบได้เพียงไม่กี่ที่ในโลกนี้เท่านั้นนะ! กับกระแสน้ำวนที่ไหลเป็นเกลียวเชี่ยวกรากกลางท้องทะเล โดยที่นี้จะมีให้เห็นกันวันละประมาณ 2 ครั้ง ในช่วงน้ำขึ้นและน้ำลง ครั้งละประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยมีแนวโน้มว่าในช่วงอากาศร้อนน่ะขนาดของกระแสน้ำวนจะใหญ่กว่าในช่วงอากาศหนาว และในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ในฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงที่มักจะเกิดกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่สุด โดยอาจจะมีความกว้างถึง 20 เมตรเลยทีเดียว วิธีการชมน้ำวนที่ฮิตที่สุดก็คงเป็นการล่องเรือเข้าไปชมแบบใกล้ชิด ว้าวขนาดนี้ จะเว้นวรรคไม่ไปเช็คอินก็ถือว่าน่าเสียดายเลยนะคุณ

24. Aoshima Island / Ehime

เชื่อว่าเหล่าทาสแมวทั้งหลายน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากับเกาะนี้มาบ้างละน่า ไม่มากก็น้อย แล้วก็มั่นใจได้เลยว่าที่นี่น่ะเป็นสวรรค์ของคนรักแมวอย่างแท้จริง เพราะเกาะเล็กๆ เกาะนี้มีคนอยู่ทั้งหมดแค่เพียงประมาณ 15 คนเท่านั้นนะ แต่กลับมีประชากรแมวเกินกว่าร้อยตัวไปแล้วจ้า เรียกว่าเดินไปไหนก็เจอแต่ทูนหัวของบ่าวสถิตอยู่ทุกมุมตั้งแต่ก้าวขึ้นจากเรือกันเลยทีเดียว ถ้ามีอาหารแมวหรือขนมแมวติดตัวไปด้วยนะ บอกคำเดียวเลยว่า ระวังโดนรุม!

คิวชู Kyushu

25. Huis Ten Bosch / Nagasaki

อีกหนึ่งธีมปาร์คของญี่ปุ่นซึ่งสร้างอยู่ในพื้นที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ในรูปแบบจำลองที่เหมือนกับยกประเทศเนเธอร์แลนด์มาไว้ในญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว สำหรับคนรักดอกไม้เรียกได้ว่าที่นี่น่ะเป็นสวรรค์สำหรับคุณชัวร์ๆ เพราะทุกหย่อมหญ้าจะเต็มไปด้วยไม้ดอกนานาชนิดแข่งกันบานสาดสีสันจนแสบตา บรรยากาศโดยรอบนี่คือถ้าไม่บอกเพื่อนนะไม่มีทางรู้ว่าคุณอยู่ในญี่ปุ่นเลย ที่นี่มีโรงแรม ร้านอาหาร สวนสนุก และอื่นๆ อีกมากมาย ช่วงค่ำๆ ยังมีการประดับประดาไฟเต็มพรืดละลานตาอีกด้วยนะ บอกเลยว่ามาคนเดียวก็ดี มาเป็นคู่นี่ยิ่งเพลิน!

26. Kawachi Fuji Garden / Fukuoka

เรียกว่าถ้าอยากเดินชิลล์ชมสวนดอกไม้ที่ให้อารมณ์คล้ายกับอยู่ใสความฝันนะ ต้องไม่พลาดการมาเช็คอินที่นี่กันให้ได้เลยเชียวละ เพราะอุโมงค์ดอกวิสทีเรีย หรือดอกฟูจิในภาษาญี่ปุ่นของที่นี่นั้นนะ ได้ชื่อว่าอลังการม้ากกกก ด้วยความยาวประมาณ 100 เมตร คุณจะได้เห็นดอกวิสทีเรียห้อยระย้าไล่สีสันกันแบบเทพนิยายเว่อร์! นอกจากนั้นยังมีจุดชมดอกไม้ในบริเวณอื่นอีกหลายจุดที่น่าสนใจ ถ้าไหนๆ มาเลาะเที่ยวแถวฟุกุโอกะทั้งทีก็มาแวะเหอะน่า พลาดไปจะมาบอกว่าเราไม่เตือนไม่ได้เด้ออออ

27. Mount Inasa / Nagasaki

ถ้าคุณมีโอกาสมาถึงนางาซากิทั้งที เรียกว่าจะพลาดจุดนี้ไปไม่ได้จริงๆ เพราะนี่คือภูเขาสูง 333 เมตร ที่เมื่อมองลงมาจากด้านบนของภูเขา คุณจะได้เห็นวิวงามๆ ของตัวเมืองนางาซากิอยู่ตรงหน้า แล้วบอกเลยว่าไม่ธรรมดานะ เพราะวิวนี้ได้ชื่อว่าติดอันดับ 1 ใน 3 ของทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นกันเลยเชียว บอกให้ก็ได้ว่าโรแมนติกเกินไปสำหรับใครที่มาคนเดียวเลยละ! แล้วบนยอดเขาก็ยังมีร้านอาหารเปิดให้บริการด้วยนะ ดินเนอร์กันฟินไปอีกจ้ายูววววว การขึ้นมาบนนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะเค้ามีกระเช้าไฟฟ้าเปิดให้บริการจ้ะ นับข้อดีได้เพียบขนาดนี้แล้วยังจะไม่มาเช็คอินไหวเหรอจ๊ะเธออออ

28. Kumamoto Castle / Kumamoto

นี่คือ 1 ใน 3 ของปราสาทโบราณที่มีป้อมปราการแข็งแกร่งที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียวนะ แถมยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองคุมะโมโต้อีกด้วย ด้วยความสวยงามตระการตาของรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสมบูรณ์มากของปราสาทแห่งนี้ รวมถึงพื้นที่ที่กว้างขวาง และยังมีตัวอาคารสำคัญที่สวยงามอีกหลายหลังอยู่ในบริเวณปราสาทแห่งนี้อีกด้วย แถมโดยรอบตัวปราสาทยังมีการปลูกต้นซากุระรายล้อมเอาไว้กว่า 800 ต้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คืออีกหนึ่งจุดชมซากุระสุดเจ๋งแห่งหนึ่งในย่านนี้กันเลยทีเดียว ถ้าไม่มาเช็คอินจะเสียดายไม่รู้นะเอ้า!

โอกินาวา Okinawa

29. Shuri Castle / Okinawa

Shuri คือชื่อเดิมของเมือง Naha เมืองหลักของโอกินาว่าในปัจจุบันนี้ ถ้าคุณกำลังมองหาแลนด์มาร์คของเกาะโอกินาว่าที่ไม่ใช่ทะเล ขอบอกว่านี่คืออีกหนึ่งจุดที่ควรมาเช็คอินกันค่ะ เพราะปราสาทนี้เป็นอีกหนึ่งมรดกโลกของญี่ปุ่นที่ Unesco จดลงลิสต์เอาไว้แล้วเรียบร้อย ตัวปราสาทสร้างขึ้นราวปลาย ..1300 ด้วยรูปแบบและสีสันแปลกตาไปกว่าปราสาทอื่นๆ ทั้งหมดในญี่ปุ่น และด้วยความที่ตั้งอยู่บนเนินเขา จากปราสาทแห่งนี้จึงมองเห็นวิวรอบๆ ได้กว้างไกล ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเกาะโอกินาว่าที่คุณควรต้องมาเยือนเลยละ

30. Churaumi Aquarium / Okinawa

ถ้าคุณมีโอกาสได้มาเยือนเกาะโอกินาว่า แล้วพลาดที่นี่ไป ก็เหมือนว่าเพิ่งเหยียบโอกินาว่าได้แค่ขาเดียวเองนะ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสุดอลังการที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยเชียว โดยมีไฮไลท์เป็นแท็งค์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายในแท็งค์เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลมากมายหลากหลายชนิด แต่ที่ถือเป็นจุดชูโรงต้องยกให้ฉลามวาฬขนาดใหญ่เกือบ 10 เมตรหลายตัวที่ว่ายวนอยู่ในแท็งค์ สลับกับเหล่ากระเบนราหูฝูงใหญ่ และนอกจากตรงนี้ที่นี่ก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจให้ได้ชมกันอยู่มากมาย ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาเช็คอินนะจะเสียดายมากกกกกก พูดเลย!

บอกเลยว่า 30 แลนด์มาร์คในญี่ปุ่นที่เราเอามาฝากกันคราวนี้น่ะ จริงๆ แล้วเป็นแค่น้ำจิ้มเล็กๆ เท่านั้นนะ เพราะแหล่งเช็คอินในเมืองปลาดิบน่ะเรียกว่ามีอยู่เพียบจ้า แล้วเอาไว้คราวหน้าเราจะรวบรวมเอามาฝากกันใหม่นะ หวังว่าตัวอย่างกรุบกริบที่ยกมาในคราวนี้น่ะ น่าจะมีที่ที่โดนใจคุณกันมั่งละน่า ชอบที่ไหนก็ลงแพลนกันไว้เลยนะ แล้วอย่าลืมมองหาตั๋วเครื่องบินดีลเด็ดๆ จาก Traveloka กันด้วยน้า รับรองว่า เด็ด ดี โดนใจ สบายครบจบในคลิกเดียวแน่นอนจ้า แล้วคราวหน้ามาเจอกันใหม่นะ บัยยยยย

บทความนี้เป็น Advertorial

admin | I love Tokyo & Film Camera

Leave a reply:

Your email address will not be published.

Site Footer