จังหวัด Miyagi  ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮะกุ มีเซ็นไดเป็นเมืองหลวง เป็นเมืองแห่งปราสาท วันนี้เรามี 15  สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปถ้าวางแผนไปเที่ยวจังหวัดมิยางิ

Miyagi กับ 15  สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไป

Zuihoden Mausoleum สุสานซูอิโฮเดน


Miyagi

สำหรับ Zuihoden Mausoleum นั้นตั้งอยู่ในเมืองเซนได้ นับว่าเป็นสถานที่สำคัญของเมืองเซนไดเป็นอย่างยิ่ง เเละเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจในการเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามเเละยิ่งใหญ่ของสถานที่เเห่งนี้กันอย่างมากมายในเเต่ละปี จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมกันให้ได้


สุสานซูอิโฮเดน นั้นเป็นที่ฝังศพของ ดาเตะ มาซามุเนะ ซึ่งเป็นไดเมียวที่ปกครองเซนได โดยเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ทำให้สุสานของท่านนั้นมีความสำคัญ

สุสานถูกก่อสร้างให้เป็นอาคารในสถาปัตยกรรมยุคโมโมยามะที่มีความหรูหราด้วยโครงสร้างไม้สีดำที่มีการตกเเต่งด้วยการเเกะสลัก ทางเดินนั้นก็มีการล้อมรอบไปด้วยต้นสนซีดาร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่อันยาวนานของตระกูลดาเตะ โดยบริเวณใกล้เคียงกันนั้นก็ยังเป็นที่ตั้งของสุสานไดเมียวในตระกูลดาเตะอีกสองสุสานที่ปกครองพื้นที่บริเวณนี้ต่อจาก ดาเตะ มาซามุเนะ


ที่ตั้งของ Zuihoden Mausoleum นั้นอยู่บนเนินเขาเคียวคามิเนะที่มีความเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง โดยสุสานทั้งสามของตระกุลดาเตะนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากโดนระเบิดทำลายลง เเเละอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์สึนามิถล่มเซนได้ในปี ค.ศ.2011 ทำให้สภาพยังคงความสวยสดงดงาม

เเละใกล้ๆ กันนั้นเองก็เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่จัดเเสดงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของตระกุลดาเตะ เเละมีเส้นผม เเละกระดูกบางส่วนอีกด้วย นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของตระกุลดาเตะอย่างเเท้จริง โดยที่นี่จะมีการเปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลา 9.00 น. จนถึงเวลา 16.30 น. โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 550 เยน

การเดินทางมายัง สุสานซูอิโฮเดน นั้นสามรถใช้บริการของรถบัส Loople Sendai bus จากป้ายหน้าสถานี Sendai Station โดยให้มาลงที่ป้ายรถหมายเลข 4 จากนั้นก็เดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 150 เมตรก็จะถึงเเล้ว


โรงน้ำชาคันรันเต Kanrantei

โรงน้ำชาคันรันเต (Kanrantei) เป็นบ้านชาในเมืองมัตสึชิมะ ซึ่งถือว่าเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ  สำหรับโรงน้ำชาคันรันเตนั้นเดิมถูกสร้างขึ้นในเกียวโต โดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ก่อนที่จะมอบให้กับ ดาเตะ มาซามูเนะ โดยได้มีการย้ายมาตั้งในบริเวณอ่าวมัตสึชิมะในปัจจุบัน

สำหรับความหมายของชื่อนั้นก็คือ สถานที่สำหรับชมระลอกน้ำ ซึ่งมาจากที่ตั้งของอาคารที่สามารถชมความสวยงามของผืนน้ำที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยมีความสวนงามของรูปเเบบอาคารในสถาปัตยกรรมเเบบเกียวโตที่เก่าเเก่เเละงดงาม

ภายในอาคารของ Kanrantei นั้นมีการเเบ่งออกเป็น 2 ห้องด้วยกันโดยเเต่ละห้องนั้นจะมีประตูบานเลื่อนสีทอง อาคารเหล่านี้เคยใช้เป็นสถานที่พักสำหรับภรรยาของไดเมียว เเละเอาไว้สำหรับต้อนรับคณะฑูตที่มาจากเกียวโตอีกด้วย โดยปัจจุบันนั้นห้องโถงใหญ่ที่หันหน้าลงทะเลนั้นได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชมเเละมานั่งจิบชาพร้อมกับชมความงดงามของวิวทิวทัศน์

ส่วนด้านหลังของอาคารนั้นก็เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มัตสึชิมะ ที่จัดเเสดงอาวุธโบราณต่างๆ มากมาย รวมทั้งเสื้อเกราะของตระกูลดาเตะอีก โดยสถานที่ท่องเที่ยวเเห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งเเต่เวลา 8.30 น. จนถึงเวลา 17.00 น. เสียค่าเข้าชมในเรทผู้ใหญ่ 200 เยน เเละนักศึกษา 150 เยน ส่วนหากจะนั่งจิบชาก็ต้องเสียเพิ่มอีก 600 เยน

การเดินทางมาเที่ยวที่ โรงน้ำชาคันรันเต นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟโดยให้มาลงที่สถานี JR Matsushima Kaigan Station เเล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึง


 Downtown Sendai

Downtown Sendai คือพื้นที่บริเวณฝั่งตะวันตกของสถานีรถไฟ JR Sendai Station ซึ่งเป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวจะสามารถชมความสวยงามของเมืองเซนไดได้อย่างถนัดตาเเละชัดเจนที่สุด เพราะที่นี่มีจุดชมวิวที่มีความสูงเเละสวยงาม โดยมีบรรยากาศที่สวยงามจากถนนที่มีความกว้าง เเละมีต้นไม้ประดับอยู่ด้วยและด้วยความมากของต้นไม้จึงได้ฉายาว่า เมืองเเห่งต้นไม้

หากเราพูดถึงใจกลางเมืองเซนได นั้นมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุดด้วยกัน เช่น

หอชมวิวตึก AER ซึ่งเป็นอาคารที่มีความสูงเเละน่าสนใจ โดยจุดชมวิวนั้นอยู่ที่ชั้น 31 สำหรับที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งเเต่เวลา 10.30 น. จนถึงเวลา 20.00 น. โดยสามารถเดินทางจากสถานีรถไฟ Sendai Station โดยเลือกทางออกทิศตะวันออก เเล้วเดินไปทางทิศเหนือประมาณเเค่ 2 นาที โดยให้คุณเข้าไปยังอาคาร Hapina Nakakecho shopping arcade เเล้วขึ้นไปยังชั้น 31

Ichibancho Arcade.

แหล่งช็อปปิ้งอิจิบันโจ เป็นเเหล่งช็อปปิ้งที่มีขนาดใหญ่ที่มีบรรยากาศที่ดีเพราะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ โดยกินอาณาบริเวณทั้งในส่วนของถนนอิจิบันโจเเละถนนชูโอโดริ  ร้านค้าเเต่ละร้านนั้นจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งเเต่เวลา 10.00 น. หรือ 11.00 น.จนถึงเวลา 19.00 หรือ 21.00 น. ส่วนการเดินทางมาที่นี่นั้นก็ง่ายๆ เพราะตั้งอยู่ด้านตรงข้ามกับอาคาร AER bulding โดยอยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟ Sendai Station โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 นาทีก็จะถึงเเล้ว

ตลาดอาซาอิจิ เป็นอีกหนึ่งในเเหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจเเละน่ามาเที่ยวไม่เช่นเล่น โดยเปิดให้บริการตั้งเเต่เวลาเช้าตรู่จนกระทั่งของหมด ส่วนการเดินทางนั้นก็เดินมาทางออกทิศตะวันตก จากสถานีรถไฟ Sendai Station เเล้วให้ข้ามสะพานยกระดับไปยัง E Beans building โดยตลาดนั้นจะตั้งอยู่ด้านหลังของอาคาร E Beans building


Godaido Temple วัดโกไดโดะ

Godaido Temple นั้นเป็นอีกวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะติดกับท่าเรือมัตสึชิมะ ลักษณะของ วัดโกไดโดะ นั้นจะเป็นอาคารอุโบสถขนาดเล็กที่มีความเก่าเเก่เป็นอย่างยิ่ง โดยถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.807 ซึ่งทำให้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำของเมืองมัตสึชิมะ

วัดเเห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป 5 องค์ ที่ว่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และสวยงาม ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยพระสงฆ์ที่ก่อตั้งวัดซูอิกันจิ ซึ่งองค์พระพุทธรูปเหล่านี้นั้นจะนำออกมาให้ประชาชนได้ชมกันทุกๆ 33 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่ได้นำออกมานั้นคือในปี ค.ศ.2006 เเละครั้งต่อไปจะเป็นในปี ค.ศ.2039 สำหรับอาคารภายในของ Godaido Temple นั้นได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1604 โดย ดาเตะ มาซามูเนะ ซึ่งด้านนอกนั้นมีการตกเเต่งที่มีความสวยงามด้วยไม้เเกะสลักที่เป็นรูป 12 นักษัตรตามปฏิทินจันทรคติ โดยเเบ่งออกเป็นด้านละ 3 นักษัตร

ในปี ค.ศ.2011 เหตุการเเผ่นดินไหวใหญ่ในโทโฮคุเเละสึนามิ แต่ไม่ได้ก่อความเสียหายใดๆให้กับวัดเเห่งนี้ทำให้ที่นี่ยังคงเสน่ห์น่ามาเที่ยวชมได้เหมือนเคย โดยที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เขาชมฟรีทุกวันตั้งเเต่เวลา 8.30 น. จนถึงเวลา 17.00 น.

ส่วนการเดินทางมายัง วัดโกไดโดะ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่ สถานีรถไฟ JR Matsushima Kaigan Station หลังจากนั้นก็เดินต่อมาอีกเพียงเเค่ 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว


Zuiganji Temple

Zuiganji Temple

Zuiganji Temple ถือว่าเป็นวัดเซนที่มีความสวยงามเเละมีชื่อเสียงมากที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ

วัดซูอิกันจิ นั้นสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.828 โดยเเต่เดิมนั้นเป็นวัดในนิกายเทนได ก่อนจะถูกเปลี่ยนมาเป็นวัดเซนในช่วงสมัยคามาคูระ โดยเป็นวัดที่มีความสวยงามตามธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เเละในส่วนของบริเวณทางเข้าห้องโถงนั้นจะเรียงรายไปด้วยต้นสนซีดาร์

นอกจากนี้เเล้ว Zuiganji Temple ยังมีห้องครัวคูริ ที่มีความสำคัญเเละในอดีตนั้นใช้เป็นที่สำหรับจัดทำอาหาร โดยที่ ทั้งหอหลักและห้องครัวนั้นได้รับการขึ้นบัญชีเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่นอีกด้วย โดยบริเวณใกล้เคียงกันนั้นก็เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะซูอิกันจิ ที่ภายในนั้นมีการจัดเเสดงสมบัติของวัดอย่างมากมาย เเละมีประตูเลื่อนที่เป็นทองคำอีก

นอกจากนั้นยังมีสิ่งประดิษฐ์ของตระกูลดาเตะ มีหุ่นสลักไม้ขนาดเท่าตัวจริงของ ดาเตะ มาซามูเนะ ที่สวมชุดเกราะเต็มยศ โดยวัดเเห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งเเต่เวลา 8.00 น. จนถึงเวลา 17.00 น. เสียค่าเข้าชมคนละ 700 เยน เเต่ในปัจจุบันนั้นวัดเเห่งนี้ปิดปรับปรุง โดยมีกำหนดในการเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2018

การเดินทางมายัง วัดซูอิกันจิ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานี JR Matsushima Kaigan Station เเล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว หรือหากมาจาก ท่าเรือมัตสึชิมะ ก็เดินต่ออีกไม่นานเช่นกัน


Sendai Rinnoji Temple วัดรินโนจิ

Sendai Rinnoji Temple

Sendai Rinnoji Temple นั้นตั้งอยู่ทางทิศเหนือของย่านใจกลางเมืองเซนได และถูกก่อสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1441 โดย ดาเตะ โมชิมูเนะ ซึ่งเป็นหนึ่งในไดเมียวจากตระกูลดาเตะที่ปกครองเขตเมืองเซนได โดยสภาพของวัดเเห่งนี้มีความสวยงามเเละมีลักษณะคล้ายกับบ้านพัก

นอกจากตัววัดที่นี่ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆ เช่น สวนหย่อมภายในวัดที่มีความสวยงามเเละสามารถใช้ทางเดินในการเที่ยวชมทั้งสวนได้อย่างชัดเจน , มีบ่อปลาคาร์ฟที่มีปลาจำนวนมากเเละสวยงาม โดยที่นี่จะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งเเต่เวลา 8.00 น. จนถึงเวลา 17.00 น. ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 300 เยน

การเดินทางมายัง วัดรินโนจิ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟสาย JR Senzan Line จากสถานีรถไฟ Sendai Station โดยมาลงที่สถานี Kitayama Station ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที เเละเสียค่าโดยสารคนละ 200 เยน หลังจากนั้นเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากสถานีอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว


ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังกุ Osaki Hachimangu Shrine

Osaki Hachimangu Shrine

 ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังกุ นั้นสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1607 โดยดาเตะ มาซามุเนะ ไดเมียว ที่ปกครองดินเเดนเซนได เพื่อบูชาเทพฮาจิมัง ซึ่งมีฐานะเป็นเทพสงครามของลัทธิชินโต เเละเป็นผู้พิทักษ์ประจำเมือง

ภายในของ Osaki Hachimangu Shrine นั้นประกอบไปด้วยอาคารหลักอย่าง หอฮอนเดน และหอไฮเดน ที่มีเส้นทางเชื่อมต่อกันภายใต้หลังคาเดียวกันซึ่งตัวของหลังคานั้นจะเคลือบด้วยสีดำ เเละศาลเจ้ายังมีทองคำเปลวสีสันที่สวยงาม หากใครได้ไปแล้วอย่าลืมเครื่องรางเพื่อความโชคดีอย่าง โอมิคุจิ ที่เป็นสีดำ ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย

สำหรับที่นี่จะเปิดให้เข้าชมฟรีตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนการเดินทางมาเที่ยวชมที่ ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังกุ นั้นสามารถใช้บริการของรถบัส city bus จากหน้าสถานี Sendai Station เพียง 20 นาทีก็จะถึงเเล้ว โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 230 เยน เเละมีรถออกทุกๆ 5-10 นาที นอกจากนี้เเล้วยังสามารถใช้บริการของรถบัส Sendai Loople loop bus โดยไปลงที่ป้ายหมายเลข 11


 Fukuura Island

Fukuura Island

Fukuura Island เป็นเกาะที่ปกคลุมด้วยต้นสนที่มีความสวยงามเเละตั้งอยู่ในอ่าวมัตสึชิมะ เป็นเกาะที่มีบรรยากาศที่ดีเหมาะแก่การมาใช้เวลาในการพักผ่อน พร้อมกับชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตกดินเป็นอย่างยิ่ง และที่นี้จะมีสะพานสำหรับข้ามไปชมความสวยงามของเกาะเเห่งนี้ โดยทาด้วยสีเเดงงดงามเเละมีความยาวถึง 252 เมตร

สะพานเเห่งนี้พังลงในปี ค.ศ.2011 จากเหตุการณ์สึนามิถล่มภูมิภาคโทโฮคุ ก่อนที่จะได้รับการซ่อมเเซมในเวลาต่อมาให้มีสภาพที่สวยงามดั่งเดิม  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสวนพฤษศาสตร์ที่มีพืชหลากหลายชนิด เกาะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งเเต่เวลา 8.00 น. จนถึงเวลา 17.00 น. โดยเสียค่าเข้าชม 200 เยนต่อคน

การเดินทางไปยัง เกาะฟูคุอูระ นั้นสามารถเดินจากท่าเรือมัตสึชิมะ ข้ามสะพานโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว ส่วนใครที่ใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานี Matsushima-Kaigan Station ก็เดินต่อไปอีกโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะถึง


ซากปราสาทอาโอบะ Aoba Castle

Aoba Castle

Aoba Castle สร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1600 โดย ดาเตะ มาซามูเนะ เพื่อวัตถุประสงค์สำคัญในการป้องกันเมืองเซนได โดยเลือกบริเวณที่สร้างปราสาทไว้บนภูเขาอาโอบะ ที่มีความสุงกว่า 100 เมตร เเต่น่าเสียดายที่ปราสาทเเห่งนี้ถูกทำลายลงในช่วงการของการปฏิรูปเมจิ เพราะถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองในระบอบโชกุน เเละสุดท้ายก็โดนระเบิดในช่วงสงครามครั้งที่ 2 จนเสียหายอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว เเต่ก็ยังคงความสวยงามเพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามของเมืองเซนไดได้อย่างชัดเจน

บริเวณของ ซากปราสาทอาโอบะ นั้นยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโกโคคุ ที่มีความเก่าเเก่เเละงดงามด้วยสถาปัตยกรรมในเเบบดาเตะอีกด้วย นอกจากนี้เเล้วก็ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางการทหารที่มีความทันสมัยเป็นอย่างมากของประเทศญี่ปุ่น เเละยังมีเส้นทางลาดยางยางลงจากภูเขาอาโอยะไปยังพิพิธภัณฑ์เมืองเซนได ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเเสดงเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลดาเตะ นับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง เเละได้รับความสนใจเเละนิยมจากนักท่องเที่ยวในการมาชมเรื่องราวที่น่าสนใจของตระกูลดาเตะ

Aoba Castle ยังมีจุดท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ของปราสาทอาโอบะ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับปราสาทในสมัยเอโดะ เเละภายในบรรจุเรื่องราวของตัวปราสาทเอาไว้อย่างมากมาย มีสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เเละมีการฉายภาพยนตร์สั้นๆ เกี่ยวกับปราสาทให้ได้ชม

การเดินทางมายัง ซากปราสาทอาโอบะ นั้นสามารถใช้บริการของรถบัส Loople Sendai bus จากป้ายหน้าสถานี Sendai Station โดยไปลงที่ป้ายหมายเลข 6 โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะถึงเเล้ว


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เซ็นได อุมิโนะโมริ

Sendai Umino-mori Aquarium

Sendai Umino-mori Aquarium นั้นเป็นหนึ่งในอควาเรี่ยมที่มีขนาดใหญ่เเละทันสมัย โดยมันตั้งอยู่บริเวณท่าเรือใกล้กับชายฝั่งของเมืองเซนได มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากด้วยการจำลองสภาพเเวดล้อมของชาวทะเลในมิยางิมาไว้ พร้อมกับการจัดเเสดงสัตว์น้ำในท้องถิ่นมากมายหลากหลายสายพันธุ์ เเละมีการเเสดงภาพเคลื่อนไหวในเเบบพาโนรามาอีกด้วย

โดยที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เซ็นได อุมิโนะโมริ นั้นเป็นเเหล่งรวมพันธุ์ปลาหายากมากกว่า 100 สายพันธุ์ เเละมีสัตว์ที่น่าสนในอีกหลายชนิดทั้งในส่วนของ ปลาฉลามสีฟ้า หรือจะเป็นสิงโตทะเลเเละปลาโลมาต่างๆ ที่มีความเเสนรู้เเละสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มาเที่ยวชมเป็นอย่างดี ส่วนนกเเพนกวินนั้นก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจในการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันถูกออกเเบบมาภายใต้เเนวคิดของการเป็นศูนย์การเรียนรู้สัตว์น้ำท้องถิ่นเเละจากทั่วโลกที่มีความทันสมัย โดยมีการเเบ่งออกเป็น 2 ชั้นที่น่าสนใจด้วยกัน

ภายในของ Sendai Umino-mori Aquarium นั้นมีจำนวน 2 ชั้น โดยในชั้นที่ 1 นั้นจะเป็นส่วนของการจัดเเสดงเกี่ยวกับทะเลญี่ปุ่น โดยมีการนำเสนอผ่านวงเเหวนที่ทำให้คุณได้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในท้องทะเลเลยทีเดียว เเละมีการจำลองใต้ท้องทะเลด้วยกระจกใส่ทำให้เกิดความเหมือนอยู่ในทะเลจริงๆ

ในขณะที่ชั้นที่ 2 นั้นจะเป็นที่จัดเเสดงเรื่องราวของชายหาดโมริที่มีความสวยงาม เเละมีการจัดเเสดงปลาโลมากันที่นี่อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ซึ่งมีกิจกรรมมากมาย โดยเปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลา 9.00 น. จนถึง 18.30 น. เสียค่าเข้าชมคนละ 2,100 เยน

สำหรับการเดินทางมายัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เซ็นได อุมิโนะโมริ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟสาย Senseki Line มาลงที่สถานีรถไฟนากาโนะซากาเอะ เเล้วใช้บริการของรถรับส่งฟรีจากที่นี่ไปยังพิพิธภัณฑ์ โดยรถจะออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ตั้งเเต่เวลา 8.45 น. จนถึงเวลา 16.00 น. นอกจากนี้เเล้วยังสามารถใช้บริการของรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีรถไฟใต้ดินอาระอิ จากนั้นก็ให้ใช้บริการของรถบัสมาลงที่ป้าย Tsurumaki เเล้วเดินต่ออีกประมาณ 20 นาทีก็จะถึงเเล้ว


Akiu Onsen

Akiu Onsen

Akiu Onsen นั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกของมิยากิ และมีบริเวณติดกับแม่น้ำนาโทริ-กาวะ โดยจะไหลจากอ่าวเซนไดลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ถือว่าเป็นเเหล่งออนเซนที่มีความสำคัญเเละเก่าเเก่เป็นอย่างยิ่งอีกเเห่งของญี่ปุ่นที่มีความสวยงามเเละน่าสนใจ

อะคิว ออนเซ็น ตั้งอยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีความสวยงามทั้งป่าเขาเเละลำธาร รวมทั้งบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งมีจุดที่มีวิวทิวทัศน์ที่งดงามเเละเหมาะกับบรรยากาศของการออนเซน ที่นี่มีบ่อออนเซนที่อยู่ภายในอาคารของเเต่ละเรียวกัง โดยมีลักษณะเป็นเเบบทั้งเเยกชายหญิง เเละเเบบบ่อรวม พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอย่างครบครัน

ภายใน Akiu Onsen นั้นมีที่พักทั้งที่เป็นเเบบโรงเเรมสไตล์ตะวันตก เเละเรียวกังที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นอยู่จำนวนมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการกัน รวมทั้งนี้ยังมีบ่ออนเซนสาธารณะอีกมากมายหลายเเห่งด้วยกัน โดยเสียค่าบริการเพียงเเค่ 300 เยนเท่านั้น

การเดินทางมาเที่ยว อะคิว ออนเซ็น นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟสาย Senzan Line โดยมาลงที่สถานีรถไฟเซนไดจากนั้นก็ให้ใช้บริการของรถบัส Miyagi Kotsu Bus มาลงที่หน้าออนเซนเเห่งนี้ได้เลย โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 50 นาที เเล้วก็เดินต่ออีกเพียงเเค่ 450 เมตรก็จะถึงเเล้ว หรือไม่เช่นนั้นก็สามารถใช้บริการของรถเเท็กซี่ โดยใช้เวลาประมาณ 37 นาที


Matsushima Bay

Matsushima Bay

Matsushima Bay ตั้งอยู่ในเมืองมัตสึชิมะ เเละเป็น 1 ใน 3 ของจุดชมวิวที่มีความสวยงามมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยบริเวณอ่าวเเห่งนี้จะมีจำนวนเกาะเล็กๆ มากมายเป็นจำนวนกว่า 200 เกาะเลยทีเดียว และเกาะเล็กๆเหล่านี้มีต้นสนปกคลุมอย่างสวยงามทุกเกาะ

กิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ เช่นการล่องเรือชมความสวยงามของบรรดาเกาะต่างๆ โดยมีบริษัทเรือนำเที่ยวที่ให้บริการคอร์สเที่ยวชม โดยจะมีเส้นทางเริ่มต้นเเละสิ้นสุดที่ท่าเรือมัตสึชิมะ หรือจะเป็นท่าเรือชิโอกามะ ส่วนเส้นทางที่มีระยะทางไกลกว่านั้นจะออกไปยัง โอคุ-มัตสึชิมะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรม โดยเวลาในการล่องเรือนั้นจะใช้ประมาณ 25-50 นาทีต่อเที่ยว

สำหรับการล่องเรือนั้นจะเปิดเที่ยวเเรกในเวลา 10.00 น. จนถึงเวลา 16.00 น. ส่วนในฤดูหนาวนั้นจะปิดในเวลา 15.00 น. โดยเสียค่าล่องเรือที่เรท 1,000 เยนจนถึง 1,500 เยน เเละรอบเเรกที่ออกจากชิโอกามานั้นจะเริ่มที่เวลา 9.00 น. โดยเปิดบริการล่องเรือทุกวัน

สำหรับการเดินทางมายัง อ่าวมัตสึชิมะ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟสาย JR Senseki Line จากสถานีรถไฟ Matsushima Station เเล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงท่าเรือมัตสึชิมะเเล้ว เเต่หากคุณมาจากสถานีรถไฟ Hon-Shiogama Station ก็เดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงท่าเรือชิโอกามะ


Asaichi Morning Market

Asaichi Morning Market

ตลาดเช้าอะไซชิ เป็นเเหล่งรวมสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารจนได้ชื่อว่าเป็น ครัวของเซนได เลยทีเดียว โดยมีสินค้ามากมายหลากหลายชนิดเเละมีบรรยากาศที่มีความคึกคักจนน่ามาเดินเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

ลักษณะของตลาดเช้าอะไซชิ นั้นเป็นเหมือนกับถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวประมาณ 100 เมตร โดยมีร้านค้ามากกว่า 70 ร้าน ร้านค้าในตลาดเเห่งนี้จะเปิดกันตั้งแต่ช่วงเช้า เเละมีบางร้านที่เปิดเลยไปจนถึงช่วงเย็นเลยก็มี โดยชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างมากก็คือการมีสินค้าที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ

สินค้าภายใน Asaichi Morning Market ที่มีความน่าสนใจ เช่น สเตอเบอรี่ลูกใหญ่ที่มีความหวานเป็นอย่างมาก หรือจะเป็นในส่วนของมันเทศหวานญี่ปุ่น  เเถมยังมีร้านอาหารมากมายหลายร้านที่มีเมนูอาหารทะเลสดๆ ที่น่ารับประทาน ใครได้มาที่นี่อย่าลืมชิมเมนูขึ้นชื่ออย่าง ซาซิมิปลาทูน่าครีบน้ำเงิน โดยตลาดเเห่งนี้จะเปิดทุกวันในเวลา 8.00 น. จนถึงเวลา 18.00 น.

การเดินทางมายัง ตลาดเช้าอะไซชิ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ JR Sendai station หลังจากนั้นก็เลือกทางออกทางทิศตะวันตก เเล้วใช้เวลาเดินต่ออีกเพียงเเค่ 5 นาทีก็จะถึงเเล้ว โดยเดินข้ามทางเเยกยกระดับไปยังอาคาร E Beans โดยตัวตลาดตจะอยู่ด้านหลังของอาคาร E Beans นั่นเอง


น้ำตกอะคิว โอตากิ

Akiu Otaki

Akiu Otaki นั้นตั้งอยู่ในเมืองเซนไดมีความสูงประมาณ 55 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมนั้นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเลยทีเดียว และได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ทางเข้าของน้ำตกเเห่งนี้จะมี ประตูโทริอิ ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากเเละทอดยาวไปยังตัวน้ำตก ระหว่างทางจะมีสะพานที่ข้ามช่องเขาซึ่งเป็นจุดยอดนิยมในการไปถ่ายรูป

บริเวณรอบ Akiu Otaki นั้นก็ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเช่น อะคิว ออนเซ็น ซึ่งเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่มีที่พักมากมาย , ช่องเขาไรไรเคียว , น้ำตกชิกุเระ ทากิ เเละน้ำตกมิซุจิ ทากิ ซึ่งมีความสวยงามเเละน่ามาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง โดยที่นี่จะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งเเต่เวลา 8.00 นง จนถึงเวลา 17.00 นง

การเดินทางมายัง น้ำตกอะคิว โอตากิ นั้นสามารถใช้บริการของรถไฟสาย Senzan Line มาลงที่สถานีรถไฟเซนไดเเล้วเลือกออกทางออกทิศตะวันตก เเล้วให้คุณใช้บริการรถบัสต่อ โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 22 นาที ก็จะถึงเเล้ว


Comments

comments

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In outside tokyo

Check Also

EVERY DAY I PRAY FOR LOVE นิทรรศกาลล่าสุดของ Yayoi Kusama

ช่วงนี้หลายๆคนก็คงได้กลับไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอีกครั้ง สำหรับแฟนๆที่ชอบการไปเที่ยวโตเกียวและช…